เลขาธิการสภาการศึกษา เดินหน้าขับเคลื่อน ๕ ยุทธศาสตร์การผลิตและพัฒนาครู

เลขาธิการสภาการศึกษา เดินหน้าขับเคลื่อน ๕ ยุทธศาสตร์การผลิตและพัฒนาครู

        เลขาธิการสภาการศึกษา เดินหน้าเร่งขับเคลื่อนข้อสรุป ๕ ยุทธศาสตร์การผลิตและพัฒนาครู แบ่งคณะทำงาน ๒ ชุดย่อยร่างกรอบแนวคิดรายละเอียดยุทธศาสตร์ฯ เป้าหมายสำคัญ “สร้างระบบและรูปแบบการผลิตครูเพื่อการผลิตครูที่มีสมรรถนะ มีความเป็นเลิศเหมาะสมกับการเป็นครูในศตวรรษที่ ๒๑” นำเสนอคณะกรรมการอำนวยการปฏิรูปการศึกษาในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้    

        วันนี้ (๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘) เลขาธิการสภาการศึกษา (รองศาสตราจารย์ ดร.พินิติ รตะนานุกูล) เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการปฏิรูประบบการผลิตและพัฒนาครู ครั้งที่ ๒/๒๕๕๘ เพื่อเร่งรัดการจัดทำ (ร่าง) ยุทธศาสตร์การผลิตและพัฒนาครู เตรียมนำเสนอเป็นแนวทาง (white paper) ต่อคณะกรรมการอำนวยการปฏิรูปการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ได้ภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ ณ ห้องประชุม ศาลาชื่นอารมณ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต 

        รองศาสตราจารย์ ดร.พินิติ ได้แบ่งงานให้คณะอนุกรรมการฯ แยกเป็น ๒ ชุดย่อย ประกอบด้วย ๑. คณะทำงานชุดผลิตครู และ ๒. คณะทำงานชุดพัฒนาครู เพื่อร่างกรอบแนวคิดรายละเอียดยุทธศาสตร์การผลิตและพัฒนาครู ภายใต้เป้าหมายสำคัญคือ สร้างระบบและรูปแบบการผลิตครูเพื่อการผลิตครูที่มีสมรรถนะ มีความเป็นเลิศเหมาะสมกับการเป็นครูในศตวรรษที่ ๒๑” โดยได้เน้นย้ำต่อคณะทำงานทั้ง ๒ ชุด ขอให้วางแผนโดยมองการณ์ไกลอย่างน้อย ๑๐ ปี หรือ ๑๕ ปี เพื่อสร้างกรอบการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ติดขัดในการขับเคลื่อนระบบการผลิตและพัฒนาครูในอนาคต

        ทั้งนี้ ที่ประชุมฯ ได้เห็นชอบร่วมกันเบื้องต้นสำหรับร่าง ๕ ยุทธศาสตร์การผลิตและพัฒนาครู จากเดิมที่ได้ร่างไว้ ๔ ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย 

               •ยุทธศาสตร์ที่ ๑ การปฏิรูประบบและรูปแบบการผลิตครู 

               •ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การปฏิรูประบบและรูปแบบการพัฒนาครู

               •ยุทธศาสตร์ที่ ๓ (ปรับเพิ่มเติมยุทธศาสตร์) การปฏิรูประบบการใช้ครูและระบบบริหารงานบุคคลของครู    

               •ยุทธศาสตร์ที่ ๔ การปฏิรูปการวิจัยของสถาบันผลิตและพัฒนาครู

               •ยุทธศาสตร์ที่ ๕ การสร้างกลไกการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การผลิตละพัฒนาครู

        สำหรับ ๕ ยุทธศาสตร์การผลิตและพัฒนาครูฉบับนี้ คณะทำงานคาดว่าจะสามารถนำเสนอต่อคณะกรรมการอำนวยการปฏิรูปการศึกษา ได้ภายในวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์นี้

จาก: สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา http://www.onec.go.th/

"กุญแจ 5 ดอก" ทำได้ เด็กเก่ง ดี มีความสุข

ว่าด้วยเรื่อง "กุญแจดอกที่ 4 : หนังสือเรียนแบบ BBL "

ปัจจุบันนี้หลายเขตพื้นที่กำลังเร่งมือปรับ เปลี่ยน ตามแนวทางกุญแจ 5 ดอก ตามแนวคิด BBL ที่เห็นจะรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว คงเป็นกุญแจดอกที่ 1 2 และ 5 ครับ ส่วนดอกที่ 3 หลายโรงเรียนก้าวหน้า ถึงขั้นเป็นคุณครูต้นแบบ หลายโรงเรียนกำลังเริ่มตั้งไข่ (บางเขตอบรมไปแค่ครั้งเดียว อาจยังไม่แม่นเรื่องหลักการสอน BBL ข้อนี้อาจศึกษาเพิ่มเติมจากหนังสือคู่มือการสอน BBL ต่างๆ)

ส่วนกุญแจดอกที่ 4 หนังสือเรียนตามแนวคิด BBL หลายโรงเรียนคิดว่าไม่สำคัญใช้หนังสือเรียนเดิมไปก่อน หรือบางโรงเรียนกังวลเรื่อง หนังสือ BBL ไม่มีตราครุฑ ขอชี้แจงในส่วนนี้ครับ

1. ทำไมต้องใช้หนังสือเรียน BBL เหตุผลง่ายๆ คือ หนังสือเรียนชุดนี้ถูกออกแบบมาแบบ BBL (ชุด อ่านออกเขียนได้) วาง Roadmap การสอนเป็นขั้นตอนจากง่ายไปยาก และออกแบบให้สอดคล้องกับเทคนิคการสอนแบบ BBL

2. ถ้าใช้หนังสือเดิมได้หรือไม่ : คงต้องตอบว่าได้ครับ แต่ผลสัมฤทธิ์อาจไม่เป็นไปตามที่ตั้งเป้าไว้ครับ เพราะต้องยอมรับว่าถ้ากุญแจไม่ครบ 5 ดอก ความสำเร็จก็จะเกิดขึ้นไม่ 100 % หรือเกิดขึ้นช้า หมายความว่า โรงเรียนปรับห้องเรียนให้น่าสนใจ เด็กชอบโรงเรียน ตอนเช้าวิ่งสนาม BBL พลังเต็มเปี่ยมที่จะเรียนรู้ คุณครูเตรียมสื่อการสอนมาเต็มที่.... แต่หนังสือเรียนยากไม่กระตุ้นสมอง เด็กๆ ทำแบบฝึกไม่ได้ ในที่สุดคุณครูจะเริ่มท้อ และค่อยๆ ลดเทคนิคการสอนลงและกลับไปสอนแบบ talk & chalk (เขียนแต่กระดานดำ) เหมือนเดิม ...

3.โรงเรียนจะสามรถซื้อหนังสือเรียนด้วยเงินรายหัวได้หรือไม่ : ข้อนี้ โรงเรียนที่ใช้หนังสือเรียน อ่านออก เขียนได้อยู่ ปัจจุบันใช้ 2 วิธีครับ
1. ใช้เงินรายหัวซื้อ โดยทำบันทึกสถานศึกษา ว่าจัดการเรียนการสอนตามแนวคิด BBL และใช้หนังสือชุด อ่านออก เขียนได้
2. ทำความเข้าใจกับผู้ปกครอง และให้ผู้ปกครองซื้อหนังสือเรียนให้กับนักเรียนเองครับ (ในกรณีนี้อาจต้องมีการประชุมผู้ปกครองทำความเข้าใจกันก่อนครับ)

ทั้งนี้ทั้งนั้น ผู้บริหารโรงเรียนและคุณครูผู้สอน อาจพิจารณาตัดสินใจตามความเหมาะสมครับ

Bbl Brain-based Learning Thailand